80% ของขวดเครื่องสำอางมีการตกแต่งด้วยสี

การพ่นสีเป็นหนึ่งในกระบวนการตกแต่งพื้นผิวที่ใช้บ่อยที่สุด

การพ่นสีคืออะไร?

การพ่นเป็นวิธีการเคลือบชนิดหนึ่ง โดยใช้ปืนพ่นหรือหัวพ่นแบบจานเพื่อกระจายละอองสีให้เป็นละอองละเอียดและสม่ำเสมอด้วยแรงดันหรือแรงเหวี่ยง แล้วพ่นลงบนพื้นผิวของวัตถุที่ต้องการเคลือบ

บทบาทของการพ่นสีคืออะไร?

1. ผลทางด้านการตกแต่ง การพ่นสีสามารถสร้างสีสันต่างๆ บนพื้นผิวของวัตถุได้ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพด้านการตกแต่งของผลิตภัณฑ์
2. คุณสมบัติในการปกป้อง ช่วยปกป้องโลหะ พลาสติก ไม้ และวัสดุอื่นๆ จากการสึกกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสง น้ำ อากาศ ฯลฯ และช่วยยืดอายุการใช้งานของสิ่งของเหล่านั้น

การพ่นสีแบ่งประเภทได้อย่างไรบ้าง?

การพ่นสีสามารถแบ่งออกได้เป็น การพ่นสีด้วยมือ และการพ่นสีอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ตามวิธีการทำงานอัตโนมัติ และตามการจำแนกประเภท สามารถแบ่งออกได้คร่าวๆ เป็น การพ่นสีด้วยลม การพ่นสีแบบไร้ลม และการพ่นสีด้วยไฟฟ้าสถิต

01 การพ่นลม

การพ่นสีด้วยลมเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไป โดยการพ่นสีด้วยการทำให้สีเป็นละอองฝอยด้วยอากาศอัดที่สะอาดและแห้ง
ข้อดีของการพ่นสีด้วยลมคือใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพในการเคลือบสูง เหมาะสำหรับการเคลือบวัตถุที่ทำจากวัสดุ รูปทรง และขนาดต่างๆ เช่น เครื่องจักร สารเคมี เรือ ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ ของเล่น กระดาษ นาฬิกา เครื่องดนตรี เป็นต้น

02 การพ่นสีแบบไร้ลมแรงดันสูง

การพ่นสีแบบไร้ลมแรงดันสูง หรือที่เรียกว่าการพ่นสีแบบไร้ลมทั่วไปนั้น ใช้ปั๊มแรงดันสูงอัดสีเข้าไปในเครื่องพ่นเพื่อสร้างสีที่มีแรงดันสูง จากนั้นพ่นสีออกมาจากหัวฉีดเพื่อสร้างละอองสี และพ่นลงบนพื้นผิวของวัตถุ

เมื่อเปรียบเทียบกับการพ่นด้วยลม การพ่นแบบไร้ลมมีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 3 เท่า และเหมาะสำหรับการพ่นชิ้นงานขนาดใหญ่และพื้นที่ขนาดใหญ่ เนื่องจากกระบวนการพ่นแบบไร้ลมไม่มีการใช้ลมอัด จึงช่วยป้องกันสิ่งสกปรกบางส่วนไม่ให้เข้าไปในฟิล์มเคลือบ ดังนั้นผลการพ่นโดยรวมจึงดีกว่า

อย่างไรก็ตาม การพ่นสีแบบไร้ลมมีข้อกำหนดด้านอุปกรณ์ที่สูงและต้องลงทุนในอุปกรณ์จำนวนมาก อีกทั้งยังไม่เหมาะสำหรับชิ้นงานขนาดเล็กบางชิ้น เนื่องจากปริมาณสีที่สูญเสียไปจากการพ่นแบบไร้ลมนั้นมากกว่าการพ่นแบบใช้ลมมาก

03 การพ่นด้วยไฟฟ้าสถิต
การพ่นสีด้วยไฟฟ้าสถิตนั้นอาศัยปรากฏการณ์ทางกายภาพของอิเล็กโทรโฟเรซิส โดยใช้ชิ้นงานที่ต่อลงดินเป็นขั้วบวก และใช้หัวฉีดสีเป็นขั้วลบ ต่อเข้ากับแรงดันไฟฟ้าสูงที่เป็นลบ (60-100 กิโลโวลต์) จะเกิดสนามไฟฟ้าสถิตแรงดันสูงขึ้นระหว่างขั้วทั้งสอง และจะเกิดการปล่อยประจุโคโรนาที่ขั้วลบ

เมื่อสีถูกทำให้เป็นละอองและพ่นด้วยวิธีที่เหมาะสม ละอองสีจะเข้าสู่สนามไฟฟ้าแรงสูงด้วยความเร็วสูง ทำให้อนุภาคสีมีประจุลบ และไหลไปยังพื้นผิวของชิ้นงานที่มีประจุบวกอย่างเป็นทิศทาง ยึดเกาะอย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นฟิล์มที่แข็งแรง

การพ่นสีด้วยระบบไฟฟ้าสถิตมีอัตราการใช้งานสูง เนื่องจากอนุภาคสีจะเคลื่อนที่ไปตามทิศทางของเส้นสนามไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้งานของสีโดยรวม

สีสเปรย์คืออะไร?

ตามมิติต่างๆ เช่น รูปทรงของผลิตภัณฑ์ การใช้งาน สี และวิธีการผลิต สารเคลือบสามารถจำแนกได้หลายวิธี วันนี้ผมจะเน้นไปที่สองวิธีการจำแนกประเภท:

สีทาบ้านแบบน้ำ VS สีทาบ้านแบบน้ำมัน

สีทุกชนิดที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลายหรือตัวกลางในการกระจายตัว สามารถเรียกได้ว่าเป็นสีน้ำ สีน้ำไม่ติดไฟ ไม่ระเบิด ไม่มีกลิ่น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

สีน้ำมันเป็นสีประเภทหนึ่งที่มีน้ำมันแห้งเป็นสารหลักในการสร้างฟิล์ม สีน้ำมันมีกลิ่นฉุนแรง และมีสารอันตรายบางชนิดปะปนอยู่ในก๊าซระเหย

ในบริบทของการปกป้องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น สีที่ใช้ส่วนผสมของน้ำกำลังค่อยๆ เข้ามาแทนที่สีที่ใช้ส่วนผสมของน้ำมัน และกลายเป็นกำลังหลักในตลาดสีสเปรย์สำหรับเครื่องสำอาง

สารเคลือบที่ใช้การบ่มด้วยรังสียูวี เทียบกับ สารเคลือบที่ใช้การบ่มด้วยความร้อน

UV เป็นคำย่อของแสงอัลตราไวโอเลต และสารเคลือบที่แข็งตัวหลังจากได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจะเรียกว่า สารเคลือบที่แข็งตัวด้วย UV เมื่อเปรียบเทียบกับสารเคลือบเทอร์โมเซตติงแบบดั้งเดิม สารเคลือบที่แข็งตัวด้วย UV จะแห้งเร็วโดยไม่ต้องใช้ความร้อนและการอบแห้ง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและประหยัดพลังงานได้อย่างมาก

การพ่นสีเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และเป็นหนึ่งในกระบวนการให้สีที่สำคัญที่สุด ขวดบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกว่า 80% เช่น ขวดแก้ว ขวดพลาสติก หลอดลิปสติก หลอดมาสคาร่า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ สามารถให้สีได้ด้วยการพ่นสี